Weddingreview2

พาทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานแห่งใหม่ของกรุงเทพฯที่จะทำให้งานแต่งงานของคู่บ่าวสาวเหมือนได้จัดงานแต่งงานในยุโรป

สถานที่แห่งนี้ชื่อ The Eros Grand Wedding & Event Hall ที่มีความพิเศษคือออกแบบให้อาคารหลัก 3 นั่นก็คือ

• The Church
• The Grand Hall
• The Dressing Tower

นำมาไว้ใต้หลังคาเดียวกันแล้วขั้นด้วยถนนตรงกลางที่มองไปปลายทางจะเจอหอนาฬิกา และบันใดวน ทำให้เกิดบรรยากาศเมืองเล็กๆ ที่มีพืนที่นอกอาคารติดแอร์ ทำให้การการจัดงานแต่งงาน เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปที่สวยงาม หลากหลาย และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นให้กับงานแต่งงาน

มาเริ่มชมส่วนแรกกันค่ะ นั่นก็คือ The EROS Church ห้องนี้มีไว้สำหรับจัดงานพิธีการไม่ว่าจะเป็น พิธีหมั้น พิธีสงฆ์ พิธียกน้ำชา ห้องนี้ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งด้านสถาปัตย์กรรมภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวผนัง บัวตกแต่ง เก้าอี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ The Eros และรวมถึงการจัดแสงไฟเพื่อให้ภาพบรรยากาศในงานพิธีออกมาอยู่ในภาพความทรงจำของคู่บ่าวสาว ญาติผู้ใหญ่ และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน

ส่วนต่อไปจะมาชม The Dressing Tower หรือ เรียกอีกอย่างว่าอาคารห้องแต่งตัว ที่มีคอนเส็ปการออกแบบ Interior แบบ Modern Classic ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา คลาสสิค ในห้องส่วน Dressing Tower จะแบบออกเป็น 3 โซน นั่นก็คือ ห้องแต่งหน้าแต่งตัวเจ้าสาว ห้องพักผ่อน และ ห้องทำพิธีส่งตัว มากไปกว่านั้นการดีไซน์ประตูเข้าออกที่มีระเบียงยาวที่เจ้าสาวสามารถออกไปยืนมองบรรยากาศงานทั้งหมด หรือ มองเจ้าบ่าวที่กำลังทำการแห่ขันหมากมารับตัวเจ้าสาว ซึ่งก็จะได้ภาพที่สวยงามอีกมุมหนึง

อีกหนึ่งมุมที่อยู่ติดกับห้องแต่งตัวนั่นก็คือ จุดหอนาฬิกา ที่เป็นจุดที่ฮอทฮิทกับการถ่ายรูปมากๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาร่วมงาน ญาติผู้ใหญ่ และเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะจุดนี้จะได้รับแสงธรรมชาติรวมไปถึงรายละเอียการออกแบบที่จะทำให้รูปออกมาเหมือนถ่ายที่ยุโรป

ท้องฟ้าในร่ม ถึงแม้พื้นที่ทั้งหมดของเราจะถูกปกคลุมด้วยหลังคา แต่เราหาวิธีให้เกิดบรรยากาศกลางแจ้งได้ค่ะ นั่นก็คือ การฉากโปรเจคเตอร์ที่เป็น effect ของท้องฟ้า และก้อนเมฆที่ค่อยๆเคลื่อนที่ได้ ทำให้ได้บรรยากาศจัดงานกลางแจ้ง แต่มีแอร์เย็นสบายค่ะ บริเวณนี้ทำได้หลายอย่างมากๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพิธีการแห่ขันหมาก เดินเปิดตัวบ่าวสาว จัดแกลลอรี่ จัดอาหาร หรือ Photobooth

ต่อไปเราก็ต้องเดินทางมาถึงห้องจัดเลี้ยงหลักของเรานั่นก็คือ The EROS Grand Hall ความพิเศษของห้องนี้ก็คือ ความโอ่โถงและออกแบบอย่างหรูหรา เริ่มต้นที่ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ 10 เมตร และพื้นที่ห้อง 400 ตารางเมตร รองรับการจัดที่นั่งได้สูงสุด 340 ที่นั่ง และ Cocktail 450 ท่าน ในส่วนของการออกแบบอันนี้ไม่พูดถึงไม่ได้เลยค่ะ เพราะเราตั้งใจทำทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่กว่าจะเป็นการตกแต่งฝ้าด้าวไฟรูปดอกไม้เอกลักษณ์ของ The Eros โคมไฟแชนเดเลีย และแสงไฟตกแต่งสร้างบรรยากาศที่หรูหราอบอุ่น ซุ้มผนังที่ทุกๆตารางนิ้วมีการฝังรายละเอียดของบัวและผิว เพื่อให้ความรู้สึกถึงอาคาร French Gothic Modern

อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับการเดินเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวสู่ The EROS Grand Hall ที่เหมือนการเดินเข้าโบสถ์ในฝรั่งเศส ลองดูรูปด้านล่างได้เลยค่ะ

อีกหนึ่งไฮไลท์นั่นก็คือ จุดโยนช่อดอกไม้ ซึ่งนิยมจัดงานส่วนนี้ที่บันใดวน ซึ่งจะบอกว่า เกือบทุกๆคู่ที่จัดงานที่ The EROS ล้วนแล้วแต่โยนช่อดอกไม้ตรงนี้ค่ะ จะโยนก็ได้ หรือ จะดึงริบบิ้นก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความชอบของเจ้าบ่าวเลยค่ะ

ยังไม่หมดนะคะการตกแต่งดอกไม้ และ พร๊อพต่างๆ จะบอกว่าการจัดงานแต่งงานในโรงแรมหรือห้องประชุมทั่วๆไปนั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาว ต้องเตรียมงบทำฉากเวที ทำเวที ตกแต่งดอกไม้ ทำฉากถ่ายรูป ทำแกลลอรี่รูปภาพพรีเวดดิ้ง ตรงนี้ว่ากันที่หลายแสนค่ะ แต่ถ้าจัด The EROS เรามีครบให้หมดค่ะ ประหยัดงบมาก! แต่ก็มีหลายท่านที่จัดเพิ่มอีก อันนี้เรามาคุยกันนอกรอบได้เลยค่ะ แต่เบสิคที่มีบอกได้คำเดียวว่าทั้งสวยทั้งประหยัด

The EROS – God of Love.

สุดท้ายเรามาทำความรู้จักกับหุ่นรูปนั้น คุณ Eros ที่ชื่อของเทพเจ้าแห่งความรัก ในเทพนิยายกรีก รูปปั้นสำริดนี้สั่งผลิตขึ้นมาตั้งตรงทางเข้าของ The Eros เพื่อเป็นสักขีพยานแห่งความรัก และ ความสุข ของคู่บ่าวสาวตลอดไป

ทั้งนี้ทั้งนั้นการอธิบายด้วยตัวหนังสือและรูปภาพ ไม่เท่าการได้มาเห็นด้วยตา เราอยากให้งานแต่งงานของคุณออกมาสวยงามและประทับใจทุกๆคนมากที่สุด เราอยากเชิญให้คุณเข้ามาเยี่ยมชมและวางแผนการจัดงานกับทีมงานของเราที่พร้อมจะให้คำแนะนำและซัพพอร์ตเจ้าบ่าวเจ้าสาว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและทำนัดเข้าชมสถานที่

---

Wedding Reviews